บาคาร่าเคล็ดลับเทคนิค การเดินเงินให้รวยภายใน 30 นาที

1. เลือกสูตรเดินเงินที่เหมาะสม

สูตรเดินเงินบาคาร่ามีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน แต่ละสูตรก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ผู้เล่นควรเลือกสูตรเดินเงินที่เหมาะสมกับสไตล์การเล่นและทุนทรัพย์ของตัวเอง

สำหรับสูตรเดินเงินที่เหมาะสำหรับการหาเงินภายใน 30 นาทีนั้น สูตรเดินเงินแบบแทงทบ (Martingale) ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยสูตรนี้กำหนดให้ผู้เล่นแทงทบจำนวนเงินเดิมพันเมื่อเสีย โดยเริ่มแทงด้วยเงินจำนวนน้อย ๆ และค่อยๆ ทบเงินขึ้นเมื่อเสียติดต่อกัน

ตัวอย่างการเดินเงินแบบแทงทบ

• ตาที่ 1 แทง 100 บาท ผลแพ้
• ตาที่ 2 แทง 200 บาท ผลแพ้
• ตาที่ 3 แทง 400 บาท ผลชนะ

2.สูตรเดินเงินแบบลาบูเชร์ (Labouchere)

สูตรเดินเงินแบบลาบูเชร์ เป็นสูตรที่ผู้เล่นจะต้องกำหนดเป้าหมายในการเล่นไว้อย่างชัดเจน โดยสูตรนี้กำหนดให้ผู้เล่นเขียนตัวเลขตามเป้าหมายที่ต้องการ จากนั้น ผู้เล่นจะต้องแทงทบจำนวนเงินเดิมพันเมื่อชนะ และลบจำนวนเงินเดิมพันออกจากเป้าหมายเมื่อแพ้

ตัวอย่างการเดินเงินแบบลาบูเชร์ เป้าหมาย: 1000 บาท

3.สูตรเดินเงินแบบฟิโบนาชี (Fibonacci)

สูตรเดินเงินแบบฟิโบนาชี เป็นสูตรที่ผู้เล่นจะต้องกำหนดเป้าหมายในการเล่นไว้อย่างชัดเจน โดยสูตรนี้กำหนดให้ผู้เล่นแทงจำนวนเงินเดิมพันตามลำดับตัวเลขฟิโบนาชี ซึ่งคือ 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233, 377, 610, 987

ตัวอย่างการเดินเงินแบบฟิโบนาชี เป้าหมาย: 1000 บาท

4.สูตรเดินเงินแบบ Paroli

สูตรเดินเงินแบบ Paroli เป็นสูตรเดินเงินบาคาร่าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยสูตรนี้กำหนดให้ผู้เล่นเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าเมื่อชนะ และกลับไปเดิมพันด้วยเงินเริ่มต้นเมื่อแพ้ สูตรเดินเงินแบบ Paroli มีจุดเด่นคือ ผู้เล่นมีโอกาสทำกำไรได้สูงหากชนะติดต่อกันหลายตา อย่างไรก็ตาม สูตรนี้ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกันหากผู้เล่นแพ้ติดต่อกันหลายตา 

หลักการของสูตรเดินเงินแบบ Paroli คือให้ผู้เล่นเริ่มต้นด้วยเงินเดิมพันจำนวนเท่าใดก็ได้ หากชนะ เพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่า หากแพ้ กลับไปเดิมพันด้วยเงินเริ่มต้น ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2-3 จนกว่าจะถึงเป้าหมายหรือแพ้ติดต่อกัน

ตัวอย่างการเดินเงินแบบ Paroli

สมมติว่าผู้เล่นเริ่มต้นด้วยเงินเดิมพัน 100 บาท หากชนะ ผู้เล่นจะเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 200 บาท หากแพ้ ผู้เล่นจะกลับไปเดิมพันด้วยเงินเริ่มต้นคือ 100 บาท

• ตาที่ 1: เดิมพัน 100 บาท ผลชนะ
• ตาที่ 2: เดิมพัน 200 บาท ผลชนะ
• ตาที่ 3: เดิมพัน 400 บาท ผลชนะ
• ตาที่ 4: เดิมพัน 800 บาท ผลชนะ
• ตาที่ 5: เดิมพัน 1600 บาท ผลชนะ

หากผู้เล่นชนะในตาที่ 5 ผู้เล่นจะได้กำไรทั้งหมด 1500 บาท (1600 บาท – 100 บาท)

หลักการของสูตรเดินเงินแบบ James Bond มีดังนี้ เริ่มต้นด้วยเงินเดิมพัน 100 บาท

• ตาที่ 1: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 100 บาท
• ตาที่ 2: เดิมพันฝั่งผู้เล่น 100 บาท
• ตาที่ 3: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 200 บาท
• ตาที่ 4: เดิมพันฝั่งผู้เล่น 200 บาท
• ตาที่ 5: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 400 บาท
• ตาที่ 6: เดิมพันฝั่งผู้เล่น 400 บาท

ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2-5 จนกว่าจะถึงเป้าหมายหรือแพ้ติดต่อกัน

ตัวอย่างการเดินเงินแบบ James Bond

สมมติว่าผู้เล่นเริ่มต้นด้วยเงินเดิมพัน 100 บาท หากชนะ ผู้เล่นจะเดิมพันฝั่งเจ้ามือ 200 บาท หากแพ้ ผู้เล่นจะกลับไปเดิมพันฝั่งผู้เล่น 100 บาท

• ตาที่ 1: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 100 บาท ผลชนะ
• ตาที่ 2: เดิมพันฝั่งผู้เล่น 100 บาท ผลชนะ
• ตาที่ 3: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 200 บาท ผลชนะ
• ตาที่ 4: เดิมพันฝั่งผู้เล่น 200 บาท ผลชนะ
• ตาที่ 5: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 400 บาท ผลชนะ

หากผู้เล่นชนะในตาที่ 5 ผู้เล่นจะได้กำไรทั้งหมด 1000 บาท (400 บาท – 100 บาท)

อย่างไรก็ตาม สูตรนี้ก็มีความเสี่ยงต่ำเช่นกัน สูตรเดินเงินแบบ Oscar Grind มีหลักการดังนี้ เริ่มต้นด้วยเงินเดิมพัน 1 unit

• ตาที่ 1: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 1 unit
• ตาที่ 2: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 1 unit
• ตาที่ 3: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 2 unit
• ตาที่ 4: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 2 unit
• ตาที่ 5: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 3 unit
• ตาที่ 6: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 3 unit

ทำซ้ำขั้นตอนที่ 2-5 จนกว่าจะถึงเป้าหมายหรือแพ้ติดต่อกัน

ตัวอย่างการเดินเงินแบบ Oscar Grind

สมมติว่าผู้เล่นเริ่มต้นด้วยเงินเดิมพัน 1 unit หากชนะ ผู้เล่นจะเดิมพันฝั่งเจ้ามือ 2 unit หากแพ้ ผู้เล่นจะกลับไปเดิมพันฝั่งเจ้ามือ 1 unit

• ตาที่ 1: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 1 unit ผลชนะ
• ตาที่ 2: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 1 unit ผลชนะ
• ตาที่ 3: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 2 unit ผลชนะ
• ตาที่ 4: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 2 unit ผลชนะ
• ตาที่ 5: เดิมพันฝั่งเจ้ามือ 3 unit ผลชนะ

หากผู้เล่นชนะในตาที่ 5 ผู้เล่นจะได้กำไรทั้งหมด 6 unit (3 unit – 1 unit)